โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือชาวออสเตรีย น่าจะได้ เยเรมี่ ปีโน่ เป็นตัวเลือกตามปกติ แม้จะโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งของเกมสุดสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากปวดเข่า
อิสไมล่า ซาร์ ฟื้นตัวจากปัญหาบาดเจ็บต้นขากลับมาแล้ว แต่หากยังฟิตไม่เต็มร้อย ไดจิ คามาดะ ก็จะถูกวางเป็นตัวรุกในทีมตัวจริงอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เช็ค ดูกูเร่, ชาดี รีอัด, วอลเตอร์ เบนีเตซ, อ็อดซอนน์ เอดูอาร์ และ เคเล็บ คพอร่า จะยังคงชวดเหมือนเดิม
อาร์เน่อ สล็อค กุนซือชาวดัตช์ จะไม่สามารถใช้งาน อูโก้ เอกีตีเก้ ที่ติดโทษแบนหลังถูกใบแดงแบบเสียค่าโง่ในเกมคาราบาว คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ ดังนั้น อเล็กซานเดอร์ อีซัค จึงมีลุ้นลงตัวจริงครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกให้ หงส์แดง
ในรายของ โจวานนี่ เลโอนี่ เซนเตอร์แบ็กดาวรุ่งได้รับการยืนยันแล้วว่ามีอาการบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าฉีกขาด ดังนั้นเขาจึงมีโอกาสที่จะต้องพักทั้งฤดูกาลนี้
สำหรับ โฟลเรียน เวียร์ตซ์ ซึ่งถูกดร็อปเป็นตัวสำรองในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้อาจได้กลับมาคืนตัวจริงในเกมนี้
(3-4-2-1) : ดีน เฮนเดอร์สัน – คริส ริชาร์ดส์, มักซ็องซ์ ลาครัวซ์, มาร์ค เกฮี – ดาเนียล มูนญอซ, อดัม วอร์ตัน, วิล ฮิวจ์ส, ไทริค มิตเชลล์ – เยเรมี่ ปีโน่, ไดจิ คามาดะ – ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า
(4-2-3-1) : อาลีสซง เบ็คเกอร์ – คอเนอร์ แบรดลี่ย์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, มิลอส เคอร์เคซ – ไรอัน กราเฟนแบร์ค, โดมินิก โซบอสไล – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โฟลเรียน เวียร์ตซ์, โคดี้ กัคโป – อเล็กซานเดอร์ อีซัค
: คริส คาวานาห์
แม้ ลิเวอร์พูล จะเคยเจอความยากลำบากทุกครั้งที่พบ คริสตัล พาเลซ แต่เกมนี้พวกเขาเตรียมตัวมาดีพร้อมแสดงให้เห็นถึงคุณภาพระดับสูงของทีมได้อย่างชัดเจน และด้วยฟอร์มที่เฉียบคมและความมั่นใจหลังชนะรวด 5 นัดในลีกตั้งแต่ต้นฤดูกาล “หงส์แดง” จึงมีโอกาสบุกมาควบคุมเกมและเก็บชัยเหนือคู่แข่งไปได้ในที่สุด
